สาระสำคัญ

Saturday, November 5, 2016

ทฤษฎีปฎิวัติเพียงดิน ต้องแทงตรงหัวใจให้ทะลุหลัง...ดร. เพียงดิน เขียนไว้เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2553

Wednesday, November 3, 2010
ทฤษฎีปฎิวัติเพียงดิน ต้องแทงตรงหัวใจให้ทะลุหลัง...

หากจะมองภาพการต่อสู้ระหว่างฝ่ายรักษ์เจ้า หรือฝ่ายศักดินานิยม กับฝ่ายประชาธิปไตยในระยะปีที่สี่หลังการรัฐประหาร 49 มาจนถึงเวลานี้ ต้องถือว่ายากจะบอกว่าใครจะชนะในระยะใกล้นี้ ยังก้ำกึ่งและมีสิทธิออกได้หลายหน้าเสียด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนจะต้องชนะในระยะยาวในที่สุด แต่จะเพราะเทพอสูรเป๋และภาคียอมโยนผ้าขอแพ้ หรือจะชนะแตกแบบเลือดกลบหน้าสู้ต่อไม่ได้ หรือจะโดนประชาชนน็อค  ก็ต้องเกิดโดยประชาชนชนะแน่ ๆ  แต่ในระยะนี้ ต้องย้ำว่า ยังกำ้กึ่งครับ

ที่ว่าก้ำกึ่งนั้น แปลว่า คณะรักษ์เจ้าเคล้าศักดินานิยม มีโอกาสจะสามารถเตะถ่วงและยึดอำนาจได้อีกหลายปี ก็คือชนะในยกต่อไปนั่นเอง  และมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าเราอาจจะต้องทรมาณเหมือนดูละครน้ำเน่าบ้านทรายทองอีกซักสองสามตอนนะครับ  ที่เห็นชัด ๆ เราก็เห็นการจับแกนนำเราขังคุก ไล่ต้อนแกนนำไม่ให้โงหัว พยายามสยบและสลายทุกกลุ่มที่จะคิดการต่อต้านรัฐบาล เข้าครอบครองสื่อทุกแขนง ป้อนข้อมูลเน่าให้กับระบบต่าง ๆ ทุกระบบ ใช้ตีนมือระบอบราชการ (กิจการของพระราชา) ฯลฯ  ภาพที่เห็นเวลานี้ จึงเหมือนว่า พวกเทพอสูรและภาคีต่างย่างสามขุมไล่ต้อนฝ่ายประชาธิปไตย แถมมีกรรมการคอยจับตีนมือฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อหวังให้อีกฝ่ายต่อย ๆ เตะเอา ... ภาพที่เห็นปลายยกที่ผ่านมาและในอีกยกต่อไปที่กำลังจะเริ่ม ต้องถือว่าน่าอึดอัด เพราะ ฝ่ายประชาชน ยังคงต้องถอยและแย็ปหมัดเพื่อป้องกันตัวเองไปก่อน

สิ่งที่ผมเกรงไว้ว่าจะพัฒนาต่อไปจากนี้ ก็คือภาพจำลองสองภาพครับ

หนึ่ง หากมีการเลือกตั้งปีหน้านี้ เราจะแพ้อย่างราบคาบ แล้วพวกศักดินาจะอ้างความชอบธรรม และฝ่ายประชาธิปไตยจะแดงกระจัดกระจาย แล้วก็กลายเป็นผู้ก่อการร้ายที่จะถูกเขาจัดการอย่างถูกกฎหมาย ยิ่งใช้ความรุนแรง ก็จะยิ่งโดนเขายุให้ฆ่าฟันล้างล่า จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง หรือสงครามกองโจร ที่ต้องอาศัยเวลาและการสูญเสียมหาศาลก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ 

และสอง หากเสื้อแดงแกร่งเกินต้าน และพวกแก๊งค์เทพอสูรรู้ว่าเลือกตั้งแล้วจะแพ้ พวกเขาจะหน้าด้านยืดอายุรัฐบาล หรือหาโอกาสตั้งรัฐบาลอวยเจ้าและเฝ้าล่าแดงให้จงได้  จากนั้น ก็จะดำเนินการเหมือนที่กำลังทำอยู่ แต่จะยิ่งเพิ่มอัตราความโหด  ประชาชนจะตายในหลักพันหลักหมื่น ไม่ด้อยกว่าเหตุสมมุติข้างบน

การคงอยู่ของไดโนเสาร์เหล่าตอแหลศักดินานั้น ไม่มีทางที่จะตั้งอยู่บนความรุ่งเรืองและสุขสบายของประชาชน เพราะพวกนี้ กำเนิดก็ผิดธรรมชาติ อยู่ก็ผิดศีลธรรม และปล่อยไว้ก็เป็นพิษแบบโรคติดต่อร้ายแรง   ดังนั้น ไม่มีทางเลือกหรอกครับ หากประชาชนจะยอมให้เกิดเหตุการณ์สองอย่างข้างบน เราจะสูญเสียมหาศาล  ดังนั้น หากอยากกู้บ้านแปงเมือง ก็ต้องลุกมาปฎิวัติ   หากอยากให้บ้านเมืองลงเอยด้วยดี เราก็ต้องจัดการป้องกันและต่อสู้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสองสิ่งนี้

ผมฟังคุณชูพงศ์และคุณแอนตี้มานาน เห็นด้วยและชื่นชมกับทั้งสองท่านอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะในแง่การชี้เป้าว่า กษัตริย์คือตัวปัญหาสำคัญของบ้านเมือง และเชื่อตามว่า กษัตริย์และกลุ่มผลประโยชน์รอบวัง คือก๊กที่ชิงอำนาจจากประชาชนไปใช้ปกป้องและแสวงหาผลประโยชน์ร่วมอย่างเป็นระบบ เป็นแก๊งค์ และเป็นภัยยิ่งต่ออนาคตของประเทศชาติ  แต่ผมไม่เห็นด้วยว่าเราควรจะทิ้งแนวรบทางรัฐสภาเสียสิ้นเชิง  เพราะยิ่งเราปล่อยให้พวกอภิสิทธิชนตอแหลอยู่ในอำนาจ  ความเสี่ยงของการเกิดภาพจำลองทั้งสองภาพข้างบนจะยิ่งเพิ่มขึ้น และประชาชนจะชนะยากขึ้น และสูญเสียมากขึ้น

การจะสู้และจะก้าวไปสู่การปฎิวัติประชาชนนั้น จะต้องทำอะไรหลายอย่าง ซึ่งผมได้เน้นไว้หลายครั้ง ดังที่ระบุไว้เป็นภารกิจมดแดง http://unrad.net/?p=7  และหัวใจของปัญหาที่เราต้องแทงให้ทะลุไปถึงแผ่นหลังของตัวปัญหา หัวใจของปัญหาเมืองไทยมีหลายด้าน ซึ่งเราต้องแทงให้ทะลุเข้าไปถึงใจกลาง ส่วนจะจัดการอย่างไรนั้น เราต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำต่อไป แต่ทิศทางต้องชัด คือจัดการกับทุกส่วนของหัวใจปัญหาต่อไปนี้:-

ข้างนอกสุดของหัวใจของปัญหาแห่งชาติไทย คือ พลังมวลชนที่ถูกเขาสกดไว้ด้วยมนตราไสยศาสตร์  ทำตัวจัดขวางประชาชนด้วยกันเอง  หากไม่แก้ไขให้มวลชนตื่น เราก็จะพบกับความลำบากในการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฎิวัติในอนาคต

ถัด ๆ กันเข้าไปนี้ ก็จะพบว่ามีสื่อ สถานศึกษา หน่วยงานราชการ และหน่วยงานการเมืองทั้งหลาย ที่อยู่ในกำกับของก๊กเทพอสูร พวกนี้เป็นสิ่งที่จะพบได้ทั่วไป และจะเป็นเหมือนตัวมนตร์สกด หรือสารแพร่พิษ ที่ทำให้มวลชนจำนวนมากต่อต้านการพัฒนา หรือวางเฉย หรือไม่กล้าสู้ หริอหลายส่วนยังตามืดบอดอีกต่อไป

ลึกเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ก็คือรัฐบาลนอมินีก๊กมาร  รัฐบาลนี้ คือตีนมือของเทพอสูร เป็นเครื่องจักสำคัญ เราคงเห็นแล้วว่า รัฐบาลที่มีหัวหน้ารัฐบาลหน่อมแน้ม และมีกำนันเก่ามากุมอำนาจมหาดไทย มันกลับสามารถใช้งานเครือข่ายตีนมือระบอบราชาธิปไตยอย่างดีและยึดอำนาจมาปั่นต่อ จนทำให้เหล่าเสื้อแดงรวนไปหลายครา เรียกว่ามาแรงจนแดงต้องหลบเชียวนะครับ....

และส่วนที่ลึกลงไป ที่กำกับรัฐบาลและสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดกับขั้วปัญหา ก็คือกลุ่มทุนที่่ได้ประโยชน์กับการอยู่ร่วมกับรัฐบาลนอมินีและราชสำนัก และระดับนี้ จะมีขุนศึก (ทหารตำรวจ) เป็นกลไกสำคัญ  หากไม่แก้กลุ่มนี้ ก็จะไม่มีทางเข้าถึงแก่นกลางของปัญหาได้

และในที่สุดตรงกลางสุดของปัญหา ก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง  ปัจจุบันนี้ ความสงสัยเกี่ยวกับบทบาทและฐานะที่แท้จริงของสถาบันฯ นั้น แทบไม่เหลือแล้วครับ  คงไม่ต้องขยายความเลย สำหรับคนเสื้อแดงที่ได้รู้ ได้ยิน ได้เห็น และได้สัมผัสมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

การจะปฎิวัติ จะต้องแทงหัวใจปัญหาเหล่านี้ให้ทะลุ จะต้องเอาพวกนี้มาเป็นพวกของประชาชนให้จงได้   หากเอามาเป็นพวกไม่ได้ ก็ต้องทำลาย หรือกดให้หมดอำนาจหรือพลังที่เป็นพิษต่อประชาชนให้ได้  จะทำอย่างเดียว ด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ 

การจะจัดการกับพี่น้องประชาชนที่ถูกสกดจิต ทำอย่างไร การเผยแพร่ความจริง และสร้างภาพเชิงสัญลักษณื ทำได้ดีแล้ว แต่ต้องทำมากกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม และมุ่งเป้ากระจายออกไปหาประชาชนสีอื่น ๆ อย่างมีความคาดหวังให้สูงยิ่งขึ้น

การจัดการกับสื่อ สถานศึกษา วัดโบสถ์มัสยึด กลไกที่เป็นกลุ่มก้อนในสังคม ที่ยังรับใช้ลัทธิไดโนเสาร์ ต้องทำอย่างไรบ้าง เป็นโจทย์สำคัญอย่างยิ่ง

เรื่องการแย่งอำนาจรัฐ ก็จะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อไทยอาจจะเป๋ แต่ประชาชนจะต้องไม่เป๋ ไม่ยอม และจะต้องดึงเพื่อไทยมารับใช้ให้ได้  ตอนนี้ยังไม่ชัด แต่จะต้องทำให้ชัดกว่านี้

ส่วนกลุ่มขุนศึกและนายทุนอิงวังนั้น การจัดการหรือดึงพวกเขาเข้ามาสนับสนุนการปฎิวัติประชาธิปไตย จะต้องทำอย่างมีเป้าหมาย และหากพวกนี้พยศและทำร้ายประชาชน ประชาชนยิ่งจะต้องมีวิธีปรามและกำราบพวกเขาอย่างเด็ดขาด  ตรงนี้อ่อนไหวมาก ๆ และเป็นจุดบ่งชี้สำคัญ!!!! ใครจะทำ และทำอย่างไร???? เป็นคำถามที่แกนนำการปฎิวัติในวันนี้และในอนาคตต้องคิด  เพราะหากไม่สามารถกดหรือดึงพวกนี้มาเข้าข้างประชาชน เราชนะไม่ได้ครับ หรือจะชนะได้ ก็ต้องฆ่าล้างโคตรกันไปข้างหนึ่งทีเดียว แต่คงล้างโคตรประชาชนไม่ได้  ดังนั้น หากจะล้างโคตรแล้วชนะ ก็คือ ฝ่ายขุนศึกและนายทุนศักดินาน่ะแหละ ที่จะต้องถูกล้มล้าง 

และในที่สุด ก็ต้องมาถึงแกนกลางที่สุดของปัญหา  ชั้นในสุด  หากคิดจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากไม่แตะถึงแกนกลาง ก็จะไม่มีทางแทงทะลุหัวใจ และจะไม่สามารถหยุดกลไกพิษหรือวงจรอุบาทว์ได้  จะทำอย่างไร  จะล้อมวังจับตัวฆ่าฟัน จะล้อมวังแล้วบังคับให้เจรจายกอำนาจคืนประชาชน จะกราบบังคมทูลแบบเนียน ๆ และประณีประนอมผ่านสภา จะลอบฆ่าล่าล้าง  จะกราบแล้วขอร้องให้ท่านคืนอำนาจแบบบัวไม่ช้้ำน้ำไม่ขุ่น  แต่สิ่งเหล่านี้ ต้องเกิด และจะต้องเกิดภายในไม่เกินรัชกาลที่สิบแน่นอน  เพราะเวลานี้ปัญหา ประเทศไทย เหมือนหนองที่มีน้ำหนองเหลืองบวมพองเกินผิวหน้าของหนังจะรับได้แล้ว  และการจัดการกับฝี ไม่มีทางอื่นใดที่จะเลี่ยงการเอาหัวฝีออกได้เลย 

จะเห็นว่า สิ่งที่กล่าวมา คือ ทฤษฎีปฎิวัติเพียงดิน  เพราะนี่คือการปฎิวัติของประชาชนชาวดิน ที่ไร้อำนาจบาตรใหญ่ ไร้กลไกอำนาจในระบอบอำนาจเดิม  ดังนั้น หากจะเจาะเข้าไปแก้ปัญหา ก็ต้องแทงให้ทะลุให้จงได้  จะทำอย่างไร?  นี่เป็นโจทย์ที่คนเสื้อแดงหลายฝ่ายพยายามคิด แต่อย่าลืมว่า หากคิดได้เท่าเดิม ทำได้เท่าเดิม และไม่มองสิ่ิงที่กล่าวมาทั้งหมด และทำในทุกจุด  เราจะเสี่ยงที่จะถูกถึงไปอยู่ในเกมอำนาจโฉดสองเกมของลัทธิไดโนเสาร์  เราจะสูญเสียอย่างมหาศาล... 

การปฎิวัติเพียงดิน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ทำไม่ได้... ทำน้อยก็ไม่ได้... ทำแบบไม่ครบวงจรก็ไม่ได้..​. และทำแบบไม่สามัคคีพลังประชาชนก็ไม่ได้... ประชาชนไทย พร้อมแค่ไหนและมุ่งมั่นเพียงใดล่ะครับ?