Tuesday, August 18, 2015

รัฐซ้อนรัฐ

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ผ่าน นางนรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ คนที่4 

นายสามารถกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยนำข้อวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแสดงจุดยื่นของพรรค ที่ต้องการให้ความไว้วางใจอำนาจประชาชน ไม่ต้องการให้เขียนไปในทิศที่ไม่ใช่อำนาจของประชาชนครอบงำ 

สิ่งที่นำเสนอวันนี้ของพรรค ก็หวังว่ากรรมาธิการยกร่างฯจะนำไปพิจารณา เพื่อส่งให้สปช.ลงมติ 7ก.ย.นี้ และนำไปสู่การทำประชามติ 

โดยที่ผ่านมากรรมาธิการยกร่างฯก็ได้ให้พรรคได้แสดงความเห็น ร่วมรับฟังหลักการใหม่ แต่พรรคก็ยังมีเรื่องกังวล จึงขอให้ใช้เวลาโค้งสุดท้ายพิจารณาข้อเสนอ

สำหรับข้อเสนอในวันนี้มี 3 เรื่อง คือ 

ที่มานายกรัฐมนตรีคนนอก ต้องการให้ยืนยันชัดเจนว่ามาจากส.ส. 

ต่อมาคือที่มาของส.ว.ทั้ง 200 คน ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรง โดยเชื่อว่าจะมีความหลากหลายทางสาขาอาชีพ และมีการเขียนกีดกันบุคลากรทางการเมือง ที่ถูกถอดถอนหรือตัดสิทธิ์เลือกตั้ง

พร้อมกันนี้พรรคมีความกังวล ถึงที่มาส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ1คน รวม 77 คน แต่ให้มีการตั้งอีก 123 คนโดยครม.ชุดปัจจุบัน 

เกรงจะการสืบทอดอำนาจ และใน ม.260 คณะกรรมการยุทธศาสตร์ 23 คน

เป็นรัฐซ้อนรัฐ 

เพราะจะใช้อำนาจเต็มแทนฝ่ายบริการและนิติบัญญัติ เป็นการครอบงำในรัฐธรรมนูญผ่านอำนาจพิเศษ 

แสดงว่าไม่ไว้ใจใช้ประชาชน เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการร่างไม่ให้ผ่านการลงประชามติเพื่อจะได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

ทั้งนี้ตั้งคำถามว่าวิกฤตในอดีตเกิดขึ้นโดยการสร้างหรือไม่ โดยในรัฐธรรมนูญปี2550ก็มีกลไกในการแก้ปัญหาตามกลไก แต่มีการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้ใช้กลไกไม่ได้

สำหรับกรณีการวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศฟินแลนด์ ระบุ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยคนหนึ่งและอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน ก็มีสิทธิแสดงความเห็นเช่นกัน

ทั้งนี้นางนรีวรรณ กล่าวขอบคุณความเห็น ยืนยันทุกความเห็นกรรมาธิการดูครบถ้วน เราต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน โดยจะส่งร่างฉบับสมบูรณ์แก่สปช.ในวันที่22ส.ค.นี้ อีก15วันพิจารณา และไม่เกิน3วันลงมติ(7ก.ย.) ยังมีอีกหลายด่านก่อนจะจบ บางเรื่องที่ยังไม่ตกผลึกก็จึงขอยังไม่เปิดเผยเพราะจะไม่ได้ชี้แจงกันแบบใกล้ชิด 

ที่มา
มติชน

รัฐซ้อนรัฐ

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ผ่าน นางนรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ คนที่4 

นายสามารถกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยนำข้อวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแสดงจุดยื่นของพรรค ที่ต้องการให้ความไว้วางใจอำนาจประชาชน ไม่ต้องการให้เขียนไปในทิศที่ไม่ใช่อำนาจของประชาชนครอบงำ 

สิ่งที่นำเสนอวันนี้ของพรรค ก็หวังว่ากรรมาธิการยกร่างฯจะนำไปพิจารณา เพื่อส่งให้สปช.ลงมติ 7ก.ย.นี้ และนำไปสู่การทำประชามติ 

โดยที่ผ่านมากรรมาธิการยกร่างฯก็ได้ให้พรรคได้แสดงความเห็น ร่วมรับฟังหลักการใหม่ แต่พรรคก็ยังมีเรื่องกังวล จึงขอให้ใช้เวลาโค้งสุดท้ายพิจารณาข้อเสนอ

สำหรับข้อเสนอในวันนี้มี 3 เรื่อง คือ 

ที่มานายกรัฐมนตรีคนนอก ต้องการให้ยืนยันชัดเจนว่ามาจากส.ส. 

ต่อมาคือที่มาของส.ว.ทั้ง 200 คน ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรง โดยเชื่อว่าจะมีความหลากหลายทางสาขาอาชีพ และมีการเขียนกีดกันบุคลากรทางการเมือง ที่ถูกถอดถอนหรือตัดสิทธิ์เลือกตั้ง

พร้อมกันนี้พรรคมีความกังวล ถึงที่มาส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ1คน รวม 77 คน แต่ให้มีการตั้งอีก 123 คนโดยครม.ชุดปัจจุบัน 

เกรงจะการสืบทอดอำนาจ และใน ม.260 คณะกรรมการยุทธศาสตร์ 23 คน

เป็นรัฐซ้อนรัฐ 

เพราะจะใช้อำนาจเต็มแทนฝ่ายบริการและนิติบัญญัติ เป็นการครอบงำในรัฐธรรมนูญผ่านอำนาจพิเศษ 

แสดงว่าไม่ไว้ใจใช้ประชาชน เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการร่างไม่ให้ผ่านการลงประชามติเพื่อจะได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

ทั้งนี้ตั้งคำถามว่าวิกฤตในอดีตเกิดขึ้นโดยการสร้างหรือไม่ โดยในรัฐธรรมนูญปี2550ก็มีกลไกในการแก้ปัญหาตามกลไก แต่มีการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้ใช้กลไกไม่ได้

สำหรับกรณีการวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศฟินแลนด์ ระบุ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยคนหนึ่งและอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน ก็มีสิทธิแสดงความเห็นเช่นกัน

ทั้งนี้นางนรีวรรณ กล่าวขอบคุณความเห็น ยืนยันทุกความเห็นกรรมาธิการดูครบถ้วน เราต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน โดยจะส่งร่างฉบับสมบูรณ์แก่สปช.ในวันที่22ส.ค.นี้ อีก15วันพิจารณา และไม่เกิน3วันลงมติ(7ก.ย.) ยังมีอีกหลายด่านก่อนจะจบ บางเรื่องที่ยังไม่ตกผลึกก็จึงขอยังไม่เปิดเผยเพราะจะไม่ได้ชี้แจงกันแบบใกล้ชิด 

ที่มา
มติชน

ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์ 18 ส.ค. 2558 ตอน ใครได้ประโยชน์จากการบอมบ์กรุงเทพ? (ตอนสอง)

ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์ 18 ส.ค. 2558 ตอน ใครได้ประโยชน์จากการบอมบ์กรุงเทพ? (ตอนสอง)

เสรีไทย"วิเคราะห์ระเบิดราชประสงค์ สัญญาณ"ปฏิวัติซ้อน

เสรีไทย"วิเคราะห์ระเบิดราชประสงค์ สัญญาณ"ปฏิวัติซ้อน http://ifreethai.com/viewtopic.php?id=431



เสรีไทย"วิเคราะห์ระเบิดราชประสงค์ สัญญาณ"ปฏิวัติซ้อน

เสรีไทย"วิเคราะห์ระเบิดราชประสงค์ สัญญาณ"ปฏิวัติซ้อน http://ifreethai.com/viewtopic.php?id=431



แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษชน เรื่อง ผลกระทบของระบอบเผด็จการไทย ที่ต้องถูกควบคุมและแก้ไขโดยด่วน


​แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษชน เรื่อง ผลกระทบของระบอบเผด็จการไทย ที่ต้องถูกควบคุมและแก้ไขโดยด่วน


วันที่  18 สิงหาคม  2558


ถึงพี่น้องชาวไทยทั่วโลก และผู้นำประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก


ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อญาติมิตรของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บทุกท่าน จากเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่  17 สิงหาคม  2558 อันมีผลทำให้ผู้บริสุทธิ์ ต้องเสียชีวิตกว่า 20 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 100 ราย  และขอประนามผู้ก่อเหตุครั้งนี้อย่างรุนแรงที่สุด ที่ได้หันไปใช้ความรุนแรงบนความเสียหายของผู้บริสุทธิ์บนท้องถนน อย่างไร้สติและมโนธรรม   


ท่านที่เคารพทั้งหลาย  สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยวันนี้ มันมาไกลเกินกว่าที่สังคมโลกจะเมินเฉยได้  หากประเทศที่เคยอยู่ในฐานะที่หลายชาติเคยอิจฉาอย่างประเทศไทย สามารถกลายสภาพเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนได้เช่นนี้  โรคร้ายอันนี้ อาจจะลามไปยังอีกหลายประเทศ  คนที่ทำให้เกิดโรคร้ายนี้และฉวยประโยชน์จากมันนั้น จะต้องถูกเผยโฉม ประนาม และสกัดกั้นไม่ให้เป็นภัยต่อสังคมมนุษยชนอีกต่อไป


ทำไมความรุนแรงจึงเกิดขึ้นและพัฒนามาถึงจุดน่าตกใจที่สุดในวันนี้?   


ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เพราะการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงและกว้างขวางนั้น เป็นผลมาจากความขัดแย้งหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองแทบทั้งสิ้น  คำตอบที่ตรงและถึงรากของมันอย่างแท้จริงเท่านั้น จะทำให้เราเข้าใจปัญหาและหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดได้   ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้น แม้ว่าจะต้องมีการพิสูจน์ตามกระบวนการของผู้เชี่ยวชาญก่อน แต่สิ่งที่เราต้องยอมรับกันด้วยเหตุผลและหลักฐานที่ชัดแจ้งแล้ว ก็คือ ระบอบเผด็จการไทย ที่อ้างอำนาจของสถาบันกษัตริย์ไทยเป็นความชอบธรรม เหนือรัฐธรรมนูญ และเหนือการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์นั้น ได้ล้มอำนาจของประชาชนมาตลอด นับยี่สิบครั้งในช่วงแปดสิบปีนี้  และทหารของพระราชาไทย ได้ทำงานอย่างแข็งขันเสมอมา ในการแสดงความจงรักภักดี และปกป้องการคงอยู่ของสถาบันกษัตริย์  แต่กลับทำลายกฎกติกาตามหลักประชาธิปไตยเสียอย่างไร้ความรับผิดชอบ โดยยึดอำนาจตามวิถีประชาธิปไตยของปวงชนชาวไทย แล้วเอาคนของเครือข่ายพระราชาไทยเข้ามาใช้อำนาจกันอย่างไร้ความเป็นธรรม เป็นเผด็จการอภิสิทธิชน ทำลายสิทธิมนุษยชนทั้งของคนไทยและชาวต่างชาติ และทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมด้วยกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน โดยไม่เห็นค่าความเป็นมนุษย์อันเท่าเทียมกันและไม่เคารพหลักการสากลที่ชาวโลกถือปฏิบัติ   


ความรุนแรงและความตกต่ำของประเทศไทยในทุกด้าน ตลอดช่วงสิบปีหลังนี้ แสดงให้เห็นว่า การเป็นเผด็จการทหารของพระราชา ที่มีอาวุธพร้อมสังหารประชาชนเจ้าของเงินภาษีที่จ้างพวกเขา และมีอำนาจอันล้นฟ้าของกษัตริย์ภูมิพลไว้คอยค้ำหัวให้ทำชั่วแบบไม่ต้องรับผิด พร้อมกับมีเครื่องมือในทุกกลุ่มผลประโยชน์มาร่วมปล้นและใช้อำนาจของปวงชนอย่างย่ามใจ ภายใต้ระบอบการปกครองที่กษัตริย์ได้ยกตนขึ้นอยู่เหนืออำนาจอธิปไตย เหนือกฎหมาย และครอบงำอำนาจอื่นใดทั้งมวลในประเทศนี้นั้น  ทำให้รัฐบาลเผด็จการทหารไทยและเครือข่ายพระราชาไทย กล้าทำชั่วมากมาย จนเกิดความผิดพลาดและเสียหายอันเลวร้ายหลายประการ จนบ้านเมืองก้าวมาสู่จุดที่ไหลลงสู่ก้นเหวแห่งหายนะ จนมีผู้ถูกกระทบกระเทือนกันทั่วหน้า ทั้งคนไทย และแม้แต่เพื่อนต่างชาติ ดังกรณีของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ ซึ่งอาจจะเป็นชนวนสำคัญของการลอบวางระเบิดครั้งนี้     ดังนั้น ยิ่งเผด็จการในระบอบราชาธิปไตยไทยสืบต่ออำนาจต่อไปบนความเสียหายอันใหญ่หลวง ทางออกที่ใช้สันติวิธีย่อมตีบตันลงไปทุกที และความรุนแรงย่อมจะเพิ่มระดับยิ่งขึ้น เพราะความไม่พอใจหรือความแค้นของผู้ที่ถูกกระทบกระเทือนที่ถึงจุดเดือดเพิ่มขึ้นไปด้วยทุกขณะ


ดังนั้น ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องให้คนไทยทุกหมู่เหล่า และท่านผู้นำประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลก โปรดช่วยกันกดดันอย่างหนักให้รัฐบาลเผด็จการทหารไทย และกลไกของระบอบราชาธิปไตยไทย ต้องคืนอำนาจให้กับปวงชนชาวไทยอย่างจริงจังโดยเร็ว โดยให้ประชาชนร่วมกันร่างพิมพ์เขียวสำหรับการสร้างชาติใหม่ ด้วยการอาศัยความช่วยเหลือและคุ้มครองจากมิตรประเทศ ให้กระบวนการถ่ายเทอำนาจสู่มือประชาชนและการกำหนดก้าวต่อไป เป็นไปอย่างอิสระและสอดคล้องกับหลักการเสรีประชาธิปไตย  และสนับสนุนการกำจัดอำนาจของสถาบันกษัตริย์ที่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง แล้วผลักดันให้ประเทศไทยพ้นจากวงจรอุวาทว์ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างความหวังแก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในการสร้างประชาธิปไตยและวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนได้ในที่สุด



ขอแสดงความนับถือ


ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน

1268 Grant Avenue, 3rd Floor, San Francisco, CA 94133

Website: http://tahr-glogal.org

Email: president@tahr-global.org